Lunch 

ร้านอาหารกลางวัน อยู่บริเวณ ด้านหลังลานฮิปโปโดม พอรับประทานอาหารเสร็จ ลาเล่ พาเราเดินไป ซื้อของที่ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งอยู่จากนั้นไม่ไกล ร้านแถวนี้ขายของที่ระลึกนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ แต่ราคาไม่สูงเท่าร้านในที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์

จากนั้นเราเดินได้เข้ามาที่  Mousque of Hagia Sophia ฮาเยียโซเฟีย หรือ อายาโซเฟีย ในภาษากรีก สร้างขึ้นปี ค.ศ. 360 โดยคำสั่งของ คอนสแตนติน ครั้งแรกมีชื่อว่า Megale Ekkesie แปลว่า The Great Church ใช้เวลาสร้างถึง 17 ปี ต่อมาอาคารหลังเดิมถูกทำลายจากทั้ง เหตุการณ์แผ่นดินไหว ไฟไหม้ และ การจลาจล ตัวอาคารที่เราเห็นนี้เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นครั้งที่ 3  ในปะ ค.ศ. 532 โดยกษัตริย์จัสติเนียนที่ 1 ทรงต้องการให้เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่กว่าโบสถ์หลังอื่นๆ และเมื่อสร้างเสร็จ ได้ตั้งชื่อใหม่ว่า Hagia Sophia ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ 

Hagia Sophia เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหณ่ที่สุดของอาณาจักรไบเซนไทน์ และยังเป็นโบสถ์คริสนิกายออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป โดมหลักมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 31.5 เมตร และเป็นโดมฐานอิฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนมาถึงปัจจุบัน

หลังจากที่อาณาจักรไบเซนไทน์ล่มสลาย หลังจากนั้นก็เป็นยุครุ่งเรืองของอาณาจักรออตโตมัน พระเจ้าโมฮัมเหม็ด ที่ 2 นับถือศานาอิสลาม ดัดแปลงโบสถ์นี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม โบสถ์ฮาเยียโซเฟีย ได้ดูเปลี่ยนเป็นมัสยิด ภาพพระแม่มารี และพระเยซูภายในโบสถ์ได้ถูกโบกทับด้วยปูน มีเสางามที่สลักไว้อย่างวิจิตร 108 ต้น มียอดเป็นโดม และมี หอมิเนเรส Minaret เป็นยอดแหลมๆมากมาย ซึ่งศิลปะคริสเตียน ผสมอิสลาม และด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ Mousque of Hagia Sophia ถูกรับเลือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง 

Yerebatan Sarnici อุโมงค์เก็บน้ำเรบาทัน  สร้างในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 แห่งอาณาจักรไบเซนไทน์ ในปี ค.ศ. 532 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำรอง สำหรับใช้ในพระราชวัง มีความกว้าง 65 เมตร ยาว 143 เมตร แบ่งเป็น 12 แถว จุน้ำได้ 80,000 ลบ.ม. มีเสาค้ำหลังคา 336 ต้น มีทั้งเสาแบบดอริค(หัวเสาเป็นแผ่นหินเรียบๆไม่มีลวดลาย)  และแบบคอรินเทียน(หัวเสาสลักเป็นรูปใบไม้)   เสาที่โดดเด่นมีอยู่ 3 ต้น คือ เสาร้องไห้ เสาเมดูซ่ากลับหัว และเสาเมดูซ่าตะแคงข้าง

ในยุคออตโตมัน มีการสร้างระบบชลประทานขึ้นมาแทนการใช้อุโมงค์เก็บน้ำ ทำให้ที่นี่ถูกทิ้งร้าง จนกระทั่งในปี 1544 -1550 Mr. P. Gyllius นักเดินทางชาวดัชต์ เขียนหนังสือเกี่ยวกับการค้นพบที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้จึงรับได้ความสนใจจากนักเดินทาง  ทำให้ในปี 1985-1987 รัฐบาลตุรกีได้บูรณะที่ครั้งใหญ่ สร้างทางเดิน และจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 กันยายน 1987

แล้วเราก็เดินมาที่  Grand Bazzar ตลาดในร่มที่เก่าแก่ และมีขนาดใหญที่สุดของโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ปลาย ศตวรรษที่ 14 หลังจากที่มีการสถาปนากรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ไม่นาน ช่วงแรกเป้นอาคารไม้ ขายสินค้าหลักจำพวกผ้า และพรม ต่อมาในศตวรรษที่ 15  มีการสร้างตัวอาคารใหม่ด้วยอิฐ และหิน โดยส่วนอาคารที่เก่าแก่ที่สุด คือ Cevahir Bedesten ปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 4,000 ร้านค้า มีทั้งสินค้าพื้นเมือง รวมไปถึงของที่ระลึกขายแทบทุกชนิด

รริน ซื้อ ขนมตุรกีที่เรียกว่า Turkish Delight  กล่องเล็ก กล่องละ 15 ดีร่า ซึ่งถือว่าแพง พอนำกลับมาเมืองไทยค่อยข้างผิดหวัง เพราะไม่ค่อยอร่อย เท่ากับร้านที่ ทัวร์พาไปซื้อเมื่อวันก่อน  ของถ้าจะซื้อที่นี่สามารถต่อรองราคาได้ 

เหตุเพราะเราไม่ได้เข้า Blue Mousque ลาเล่ ไกด์ท้องถิ่นพาเรามาเข้ามัสยิด ที่อยู่หน้า Grand Bazza แห่งนี้ กลับมาดูหนังสือท่องเที่ยว มัสยิดนี้ชื่อ Atik Ali Pasha Mosque  ก่อนเข้าเราต้องฝากรองเท้าไว้ด้านหน้า ส่วนผู้หญิงต้องคลุมผม เข้าไปภายในโดยความสำรวม ชาวมุสลิม จะทำละมาด โดยหันหน้าไปทางนครเมกะ ภายในสุเหร่าจะเป็นพื้นที่โล่ง มาการตกแต่งตามผนัง และ เพดา แต่ไม่มีรูปสักการะแต่อย่างใด

อาหารค่ำ ที่ ภัตตราคารจีนแย่ๆ ภัตรคารหนึ่ง ซึ่งดูไม่สะอาด แถมภาชนะใช้ เป็นพลาสติก และแล้ว ก็เสิร์ฟปลาซาบะ เป็นรอบที่ 3 ร้านนี้เรียกว่าเป็นร้านที่ต่ำกว่ามาตราฐานของ HIT tour อย่างมาก อันนี้เราก็ใจดีนะ กลับมาก็ให้ ฟีดแบคทางทัวร์โดยไม่ได้เรียกร้องอะไร ว่าให้เราไปกินร้านแบบนี้ได้อย่างไร

Gorrion Hotel (โปรแกรมแจ้งไว้ Crown Plaza Harbiye) พักคืนที่สอง คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ต้องแพคของ เตรียมบินพรุ่งนี้

Rrin Rrin

FB: Rrin Rrin
IG : rrinrrinlee